คมชัดลึก : กีฬา

Tuesday, February 6, 2007

ทัวร์วิ่ง @ ลานสกามาราธอน


11 มิถุนายน 2549
ลานสกามาราธอน ครั้งที่ 2

ลานสกามาราธอน ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงอย่างงดงามและประทับใจนักวิ่งทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะอย่างวิ่งนักวิ่งร่วมการเดินทางไปกับทัวร์รันเนอร์คอร์เนอร์ ความสนุกสนานยังคงดำเนินต่อเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเสร็จสิ้นการแข่งขันการวิ่งมาราธอนลงแล้ว แต่การแข่งขันดื่มเบียร์และดวลเพลงยังไม่ยอมจบลงง่าย ๆ มีการขลุกขลักกันเล็กน้อยก่อนเริ่มเดินทาง เพราะเย็นวันนั้นการจราจรติดขัดมาก จนทำให้ใครบางคนไปรอคอยตั้งแต่ 6 โมงเย็น หรือเพราะว่าตื่นเต้นที่ไม่ได้เดินทางไปวิ่งตั้งนานก็ไม่รู้เนอะ นัด 3 ทุ่ม ไปตั้งแต่ 6 โมงเย็นซะเลย ส่วนอีกคนตื่นเต้นเหมือนกันคอยตั้งแต่ 2 ทุ่ม คอยแล้ว คอยเล่า ก็ไม่มีใครมาสักที คอยกันไปคอยกันมา เราก็คอยลูกทัวร์ขาประจำของเราจนถึง 4 ทุ่มเหมือนกัน ไม่มาสักที ก็นัดกันที่ข้างสวนลุมไหงไปโผล่ที่ลานสกาล่ะครับเฮีย ก็นั่งรถทัวร์มาน่ะสิ ผมก็ไปเดินหาพวกคุณอยู่นาน ไม่เป็นไรครับไม่ได้มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันได้ แต่บัดดี้เฮียมีงอนเล็กน้อย ก็ไปง้อกันเอาเองนะคร้าบบบบ


กว่าล้อจะเริ่มหมุน กว่าจะไปรับก๊วน Big-C พระราม 2 ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า พี่นิพนธ์คอยจนเบียร์หมดไปหลายกระป๋อง ขออภัยด้วยนะครับที่ให้เริ่มต้นก่อน ทั้งหมดเป็นแผนการของพี่ประวิทย์ที่จะตัดกำลัง ตัดกันไปตัดกันมา ก็หมดไปคนหลายกระป๋อง ทั้งน้องดำ น้องไฮฯและน้องลี เฮ้อ...สงสารน้อง ๆ จัง


กว่าจะสิ้นเสียงเชียร์ส์ และเบียร์ส์ ก็ปาเข้าไปตีสองมั้ง มาเช้าอีกทีก็ท้องหิวไปตาม ๆ กัน เราจอดรับประทานอาหารเช้ากันที่ Co-op สุราษฎร์ธานี ก่อนที่จะเดินทางต่อจนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชเวลา 10 โมงกว่า ๆ ก็ไปสักการะพระมหาธาตุและรับประทานอาหารกลางวันกันตามอัธยาศัยแถว ๆ หน้าวัดและในวัดนั่นแหละครับ หลังจากนั้นก็ขึ้นห้อง เอ๊ย...เช็คอินและพักผ่อนกัน


ได้เวลานัดหมายสี่โมงเย็น ชาวคณะก็พร้อมกันเดินทางไปหน้าที่ว่าการอำเภอลานสกาท่ามกลางสายฝน ในสัปดาห์นั้นนั้นมีการจัดงานเทศกาลอาหารด้วย ทำให้เกิดความคึกคักทั่วทั้งบริเวณ มีการประกวดแดนเซอร์และร้องเพลงบนเวทีในช่วงค่ำ ในช่วงเย็นนั้น หลังจากที่สมัครวิ่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกไปเดินตากฝนชมร้านค้าต่าง ๆ ที่ถูกใจมาก ๆ คือ ปลาทอดครับ ตัวยาวตั้งศอก เนื้อหนา ราคาตัวละ 50 บาทเท่านั้น ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นหลังจากการวิ่งแล้ว จะซื้อมาโซ้ยสักตัว แต่อดครับ เพราะเค้าบอกว่าจะมาเปิดร้านประมาณ 11 โมง ก็เลยได้แต่ซื้อไก่ทอดนครฯมาทานครับ ตอนไปหาดใหญ่ไปได้ทานไก่ทอดหาดใหญ่ เปลี่ยนเป็นไก่ทอดนครฯไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้


มานั่งหลบฝนอยู่ในเต้นท์ข้าง ๆ เวทีครับ หน้าเวทีก็มีการเต้นแอโรบิคกัน นักเต้นร่วมร้อยคนเห็นจะได้สวมเสื้อสีเหลืองเหมือน ๆ กันหมดดูพร้อมเพรียงสวยงาม หลังจากการเต้นแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับ ประทับใจนักเต้นท่านหนึ่ง เต้นเสร็จปุ๊บยังไม่ทันก้าวเท้าไปไหนเลยครับ ก็ควักสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าปั๊บ...ทราบมั้ยครับว่าอะไร !!!! หมากครับ หมากไทยนะครับ ไม่ใช่หมากฝรั่ง ฮู้ยยย..ได้บรรยากาศแอโรบิคแบบไทย ๆ ดีแท้


5 โมงครึ่ง มีการเลี้ยงอาหารที่งาน นักวิ่งต่างก็ฝากท้องกันไว้ที่งานนั่นแหละครับ อาหารมากมายหลากหลาย ชนิดที่เรียกว่าถ้ากินครบหมดทุกอย่าง พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องวิ่งกันแล้วล่ะครับ...หนักพุง แต่แค่นั้นยังไม่พอ แก๊ง 8 เทพอสูรฯ ใครเป็นเทพ ใครเป็นอสูรก็คิดกันเอาเองล่ะครับ ประกอบด้วย ผม พี่ระกา พี่ประวิทย์ พี่เขียวจัง พี่นุช พี่มิคกี้ เจ้เล้ง และน้องนอร์ ก็ออกจากโรงแรมตั้งใจไปร้านกวงฮั้ว เพื่อซ้ำรอยอาหารอร่อยที่ยังติดใจจากเมื่อปีที่แล้ว ปรากฎว่า "อด" ครับ เพราะรถสองแถวในเมืองนครฯให้บริการถึงแค่ทุ่มเดียว ไปน่ะไปได้ แต่สงสัยต้องเดินกลับอ่ะครับ ก็เลยได้แค่หม่ำ ๆ กันต่อที่ร้านข้าวต้มหน้าโรงแรมครับ ก่อนที่ต่างคนต่างจะเข้าห้องนอนดูอังกฤษเอาชนะปารากวัยไปได้แบบถอนหายใจดัง ๆ หลายเฮือก


ตีสอง งัวเงียตื่นขึ้นมาเกี่ยงกันลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ ไม่มีใครอยากลุกก่อน ขออีกสัก 5 นาทีก็ยังดีเนอะ


พร้อมแล้ว...ที่หน้าจุดสตาร์ท ท่านนายอำเภอลานสกามากล่าวต้อนรับนักวิ่งระยะมาราธอนที่มาร่วมงานทั้งหมด 199 ท่าน และปล่อยตัวเวลา 4 นาฬิกาตรง คืนนี้ขึ้น 15 ค่ำครับ ท้องฟ้าแจ่มกระจ่าง อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว ตามฟอร์มของนักวิ่งแนวกลางถึงหลังอย่างผมล่ะครับ วิ่งไปแซวคนโน้นคนนี้ไป จนไม่เหลือใครให้แซวแล้วก็วิ่งไปเรื่อย ๆ สองข้างทางมีแสงไฟจากบ้านชาวบ้านบ้าง บางช่วงก็มีการจุดคบไฟให้ความสว่างแก่นักวิ่ง พอเริ่มไต่ควนก็มีทีมงานคอยส่องไฟให้เป็นระยะ ๆ จากจุดให้น้ำที่กม. 10 ไปถึงยอดเขาก็เป็นจุดให้น้ำกม. 12 พอดี หา...ขึ้นเขามา 2 กิโลเลยเหรอเนี่ย


ชอบป้ายบอกระยะทางมาก ๆ มีรูปนักวิ่งพิมพ์ 4 สีสวยงาม นายแบบหน้าตาคุ้นเคย เป็นทีมงานนครศรีธรรมราชบ้าง นักวิ่งทางใต้บ้าง พร้อมตัวเลขบอกระยะทางชัดเจน วิ่งนับป้ายกันเพลินล่ะครับ คอยดูว่าป้ายต่อไปจะเป็นรูปใคร วางทุกจุดให้น้ำ ทุก ๆ 2 กม. ยกเว้นขากลับช่วง 6 กม. สุดท้ายจะมีป้ายบอกทุก ๆ 1 กิโลเมตร แค่


10 กว่ากิโลเมตร ก็ได้ดื่มน้ำหวานเย็นชื่นใจกันแล้วครับ บางจุดก็มีแตงโม ขนมหวานประเภททองหยิบ ทองหยอดด้วย เพิ่มพลังงานแก่นักวิ่งดีนัก แต่ที่หวานชื่นใจที่สุด ก็คงเป็นรอยยิ้มของชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดงตื่นแต่เช้ามืดออกมาให้กำลังใจนักวิ่งกัน มีการกระจายเสียงจากอบต.คอยคุยให้ฟังเพลิน ๆ


เผลอแป๊บเดียวกลับตัวแล้วครับ ปีนี้เช็คพอยน์เป็นเช็คพอยน์รุ่นมาตรฐานหนังยางผูกเส้นด้าย แต่เป็นด้ายเงินด้ายทองเลยนะครับ ไม่ใช่ไหมพรมสี ๆ ธรรมดา


สว่างจ้าตั้งแต่ยังไม่กลับตัว เริ่มการทักทายกันอีกรอบสำหรับนักวิ่ง บ้างก็ตะโกนทักกัน บ้างก็ยกมือทักทายกัน มองเห็นสองข้างทางชัดเจนแล้วครับสำหรับขากลับนี่ ถึงแม้จะสว่างเร็ว และแดดเริ่มออกเร็วไปสักหน่อย แต่ก็ยังพอได้ร่มไม้ใบบังกันอยู่ ทำให้วิ่งกันได้อย่างสบาย ๆ ยกเว้นเจ้าหัวเข่าที่เริ่มทำร้ายเจ้าของไม่ยอมให้วิ่งได้เร็วอย่างใจอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะโดนเจ้าของทำร้ายคืนเอาบ้าง เลยยอมกลับเข้าที่เข้าทางให้วิ่งได้ต่ออย่างสมใจ


ความงามของเส้นทางตลอดสองข้างทาง เป็นสวนสลับกับบ้านเรือนที่มีเจ้าของบ้านออกมายืนต้อนรับ คอยทักทายและปรบมือให้กำลังใจตลอดสองข้างทาง ทำให้นักวิ่งต้องสารภาพกันว่า อยากเดินใจจะขาด แต่ไม่กล้าเดิน เกรงใจชาวบ้านที่ออกมาคอยเชียร์ ต้องกัดฟันฝืนวิ่งไปเรื่อย ๆ ทำให้เวลาวิ่งดีกว่าปกติไปตาม ๆ กัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ "ผลแห่งกำลังใจ"


มีสะพานทางราบอยู่ 3-4 สะพาน และที่แน่นอนที่สุด เสน่ห์ของลานสกามาราธอน คือ เขาช้างสี ที่ยืนตระหง่านรอคอยให้นักวิ่งมาราธอนมาพิชิตเพื่อประกาศความสำเร็จแห่งชัยชนะของตนเอง เมื่อพิชิตยอดเขาช้างสีกลับลงมาแล้ว ก็เหลือระยะทางอีกแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น นักวิ่งทุกคนจะต้องตอบคำถามโฆษกที่หน้าที่ทำการอบต.ลานสกาก่อนว่ามาจากไหน ใครไม่ตอบ ไม่ยอมให้วิ่งผ่าน แถมรับลูกอมฮอลล์รสขิงแก้คอแห้งและเติมน้ำตาลกันอีกคนละหนึ่งเม็ด


เหลืออีก 6 กิโลเมตรสุดท้าย ก็วิ่งนับป้ายกันต่อไปทุก ๆ กิโลเมตร ส่วนจุดให้น้ำเลิกนับไปแล้วครับ เพราะมีทั้งจุดให้น้ำของทีมงาน และจุดให้น้ำของชาวบ้านถี่ยิบเลยล่ะครับ รับน้ำจนอิ่มในน้ำใจไปตาม ๆ กัน เย้...ถึงทางแยกแล้ว กลับเข้าถนนใหญ่ แปลว่าเหลือระยะทางอีกแค่กิโลเมตรกว่า ๆ ก่อนเข้าสู่เส้นชัย ก็เริ่มต้นนับถอยหลังกันด้วยป้ายบอกระยะทางทุก ๆ 100 เมตร 1 กม. 900.. 800.. 700.. 600.. 500.. 400.. 300.. 200 และ 100 เมตรสุดท้าย กับรอยยิ้มต้อนรับของเพื่อนนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยแล้ว และทีมงานลานสกาที่คอยอยู่ รับเหรียญที่ระลึก เหรียญพระ ป้ายบอกอันดับยังสวยงามเลยครับ แค่สายห้อยคอก็กินขาดแล้ว เป็นสายคล้องโทรศัพท์


รายงานตัวรับข้าวกล่องอีก 1 กล่อง ประเภทไหนมาก่อนรับถ้วยก่อน ไม่ต้องคอยกันนาน รับถ้วยรับตุ๊กตาผึ้งหลวงตัวใหญ่ แต่ตุ๊กตาผึ้งหลวงตัวเล็กกับชุดวิ่งที่ได้รับตอนสมัครหายไปไหนก็ไม่รู้ อยู่ในถุงในกระเป๋าของใคร ช่วยเอามาคืนนู๋ด้วย


มีห้องน้ำครบครันให้เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานั่ง ๆ นอน ๆ นวด ๆ รอคอยนักวิ่งสาวสวยท่านสุดท้ายของรายการและของคณะเรา ซึ่งวิ่งแบบวีไอพี้ วีไอพี ประกบข้างด้วยเสือภูเขา 2 ตัว ตามด้วยรถพยาบาล รถตำรวจ และรถเก็บป้าย เข้าเส้นชัยมาแบบสดชื่นและประทับใจ ถึงกับออกปากว่าปีหน้าต้องมาอีก เห็นป่ะ นานแค่ไหนก็จะคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกหนุ่ม ๆ น่ะ นอนนวดคอยกันเลยล่ะครับป้า สบายอย่างนี้ ใคร ๆ ก็อยากจะไปลานสกากันทั้งนั้น


ปีหน้านะครับ 24 มิถุนายน 2550 ขอประชาสัมพันธ์กันล่วงหน้า จัดแบบชาวบ้าน แต่บริการแบบอินเตอร์ ต้องลานสกามาราธอน


ขากลับมีรายการอุปการะคุณจากเจ๊ณี พี่นิพนธ์ และพี่ระกา ไปรับน้องไฮฯมาอีก 2 แพ็ค 4 โหล ได้สนุกสนานกันเต็มที่ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าแนวหน้าระดับพี่สมหมาย สนามไชย และพี่วิชัย ขุนเทียน ก็รักน้องไฮฯเหมือนชาวเรา แม๋..นึกว่าแนวหน้าจะดื่มแต่เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพซะอีก ไม่ยักรู้ว่าชอบดื่มยาคลายเส้นเหมือนกัน ดื่มกันไปดื่มกันมา ก็เปิดรายการทอล์กโชว์จากอาจารย์สมหมาย ว่าด้วยเรื่องเลือดสัตว์ทั้ง 4 ที่มากับการดื่ม ใครอยากรู้ว่ามีเลือดอะไรบ้าง ต้องคอยถามกันตามสนามวิ่งนะครับ ต่อด้วยการร่วมร้องเพลงจบบ้าง ไม่จบบ้าง ด้วยต้นเสียงจากคุณพิชิต วิทยุการบิน แล้วต่อด้วยการเสวนาว่าด้วยเรื่องการมีกิ๊กกับการวิ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก ติดตามด้วยการแฉเรื่องกิ๊ก ๆ กันเล็กน้อย


มันส์..สนุก...จนต้องบอกต่อ ต้องทัวร์รันเนอร์คอร์เนอร์ครับ


ขอขอบคุณทีมงานลานสกามาราธอนที่ทำให้เราได้วิ่งกันอย่างประทับใจ

ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในการร่วมเดินทางกับเรา และทำให้การเดินทางสนุกสนาน

...ขอบคุณมาก ๆ ครับ

No comments:

Post a Comment