ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยร่วมกับชมรม BIKE-AID ประเทศสิงคโปร์ จัดกิจกรรมปั่นจักรยานร่วมระดมทุนช่วยเหลือสตรีและเด็ก “บ้านอุ่นรัก” อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีผู้ร่วมเดินทางทั้งนักปั่นชาวไทยและสิงคโปร์ร้อยกว่าคน ชมรมจักรยานและวิ่งเพื่อสุขภาพรันเนอร์คอร์เนอร์ก็ไปด้วย 1 คน กับอีก 1 คันครับ
ชาวคณะนัดพบเริ่มต้นเดินทางกันในวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2550 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า วันแรกนี้ จะเดินทางจากกรุงเทพฯไปกาญจนบุรี รวมระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร นักปั่นสวมเสื้อจักรยานสีเขียวที่ได้รับแจกทยอยมากันก่อนเวลานัดหมายเพื่อเตรียมตัว จัดเตรียมจักรยานคู่ขาให้พร้อม ส่วนกระเป๋าสัมภาระนั้นมีรถบริการครับ ไม่ต้องแบกไปเอง เอาตัวให้รอดก็พอแล้ว...
ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง... แต่วันนี้ 10 มีนาคม 2550 เวลา 8:00 น. ขบวนผู้ร่วมเดินทางพร้อมเดินทางครับ เส้นทางการปั่นเริ่มจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปตามถนนราชดำเนิน ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านสายใต้ใหม่ ออกถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐม และอำเภอบ้านโป่ง ปลายทางของวันนี้คือตัวจังหวัดกาญจนบุรี มีรถเซอร์วิสคอยตามบริการ...ใช้ปั้มน้ำมันเป็นพักผ่อน และทานอาหารระหว่างทาง
ดูท่าทางแล้วจะทำความเร็วกันพอสมควร มาถึงที่พักของวันแรกแล้ว แดดยังแจ๋อยู่เลย ทริปนี้ขาแรงกันทั้งนั้น...คืนแรกนี้พักผ่อนกันที่โรงแรม R.S. Hotel จังหวัดกาญจนบุรี
วันที่สอง วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2550 ออกเดินทางกันต่อ วันนี้ระยะทางประมาณ 120 กม. เป็นทางขึ้นเขาตลอด ปลายทางอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ ถนนสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิรถไม่มากครับ ปั่นกันได้อย่างสบาย ๆ แต่ที่ไม่สบายก็คือต้องออกแรงปั่นขึ้นเขากันเกือบตลอดทาง และต้องปั่นฝ่าสายหมอก ซึ่งเป็นหมอกควันจากการเผาป่าและไฟไหม้ป่าไปตลอดเส้นทาง
เที่ยงวันที่สองนี้แวะพักกันที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค อยู่กับสายน้ำให้เย็นกายเย็นใจกันก่อนเดินทางต่อ วันที่สองนี้ เราพักกันที่ Green World Hot Spring Hotel Resort บรรยากาศของโรงแรมสวยงามสุดยอดครับ เราจอดเสือคู่ใจไว้ที่บริเวณ lobby โรงแรม และขึ้นไปพักผ่อนกัน พรุ่งนี้เรายังต้องเดินทางกันต่อ...เส้นทางขึ้นเขาโหดกว่าวันนี้อีกด้วย
วันที่สามของการเดินทาง วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม 2550 ระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร วันนี้เราเดินทางจากอำเภอทองผาภูมิ สู่อำเภอสังขละบุรี พิสูจน์กำลังใจ และกำลังขาไต่ขึ้นเขาบนเส้นทางคดโค้งและสูงชัน ฝ่าหมอกควันสู่จุดหมายปลายทาง "บ้านอุ่นรัก"
ถึงช่วงนี้ จักรยานบางคันก็ใช้วิชานินจาขึ้นรถบริการไปคอยข้างหน้ากัน แต่ก็ยังมีหลายคันที่ปั่นบ้าง เข็นบ้าง ร่วมทางกันไปด้วยพลังสองขากับสองล้อ คุ้มค่ากับความเหนื่อยครับ...ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามมาก ๆ แต่ถ้าปราศจากหมอกควันเหล่านี้ก็คงจะดี วันนี้ประธานชมรมของเราสวมชุดแดงครับ รถก็แดง...คนก็แดง กลัวจะมองไม่เห็นน่ะครับ หมอกควันมันหนาจัด
ปั่นบ้าง เข็นบ้าง ขึ้นเขากันมา แวะพักถ่ายภาพกันบ้าง ราว ๆ บ่ายสองโมงกว่า ๆ ก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วครับ... มีอาหารคอยต้อนรับนักปั่น อือม์ มีแฮมเบอร์เกอร์ซะด้วย อ้ะ..มีพิซซ่าอีกต่างหาก แต่สงสัยอยู่ว่านักปั่นจะชอบกันหรือเปล่า ส่วนใหญ่เห็นซัดกันแต่ข้าวเหนียวอ่ะ แต่เครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นคงถูกใจกันถ้วนหน้า
บริเวณโรงเรียนบ้านอุ่นรัก มีการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับแขะขอบคุณคณะนักปั่น ในบริเวณเดียวกันนั้นก็จัดงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ฝีมือแม่บ้านไว้ด้วยกัน แต่เราได้กระเป๋าแล้วก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก... คืนนี้แยกย้ายไปพักกันหลายที่ครับ โรงแรมรีสอร์ทที่พักที่สังขละบุรีนี่เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ ห้องพักไม่มากก็แยกย้ายกันไป แต่ละที่บรรยากาศดี ๆ ทั้งนั้น อยู่ติดแม่น้ำเลย พักผ่อน-อาบน้ำกันก่อนนะครับ เดี๋ยวค่ำ ๆ เราไปงานเลี้ยงกัน
มาร่วมงานเลี้ยงแบบน่ารัก ๆ ที่ทางโรงเรียนบ้านอุ่นรักจัดต้อนรับคณะนักปั่นกันครับ อาหารแบบบุฟเฟ่ท์ตักบริการตัวเองด้วยอาหารมังสะวิรัติที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ พร้อมกับการแสดงของเด็กนักเรียนหลายชุดด้วยกัน แต่ละชุดน่ารักและงดงามน่าประทับใจทั้งสิ้น ถึงแม้ว่างานเลี้ยงจะเลิกราในเวลาไม่นานนัก เพราะเด็กนักเรียนไม่ควรจะนอนดึก แต่คณะนักปั่นก็ได้รับความอิ่มอกอิ่มใจและอิ่มท้องกันถ้วนหน้า
ตอนเช้า...เด็ก ๆ นักเรียนมายืนเข้าแถวคอยส่งคณะนักปั่นที่ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ...ระหว่างทางขากลับ ได้แวะเที่ยวชมสุดเขตตะวันตกของประเทศไทยที่ด่านพระเจดีย์สามองค์
เราเดินทางไม่ใช่เพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด แต่เราเดินทางเพื่อให้พบสิ่งที่ดีที่สุด...(จากภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่อง Cars) เราเชื่อว่าการเดินทางกรุงเทพฯ-สังขละบุรีในครั้งนี้ ก็เป็นการเดินทางที่ได้พบสิ่งที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งเช่นกัน
Thanks for writing this.
ReplyDelete