คมชัดลึก : กีฬา

Monday, April 30, 2007

ร่วมกิจกรรม @ เจ็ดเสมียนวิ่งครอสคันทรีและเสือภูเขาต้านยาเสพติด (ตอนที่ 2)

18 มีนาคม 2550
เจ็ดเสมียนวิ่งครอสคันทรี และเสือภูเขาต้านยาเสพติด (ตอนที่ 2)

ใกล้เวลาสิบโมงเช้าเข้ามาทุกที...

เหล่าบรรดาเสือภูเขาทั้งหลายก็มาเตรียมพร้อมกัน ไปนั่งหลบแดดพร้อมกับแอบงีบอยู่ในเต็นท์ พลางเมียง ๆ มอง ๆ สังเกตดูคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง พยายามที่จะไม่ให้นั่งหลับจนตกเก้าอี้ ก็พบว่านักปั่นจะมีนิสัยไม่เหมือนกับนักวิ่งตรงที่จะมากันเป็นกลุ่มก๊วนของตนเอง และไม่สุงสิงกับก๊วนอื่น ในขณะที่นักวิ่งที่ถึงแม้จะมาเป็นกลุ่ม เป็นชมรม แต่ก็ชอบที่จะเดินเพ่นพ่าน ทักทายคนโน้นคนนี้กันทั่วทั้งงาน

การปล่อยตัวเสือภูเขานี้ ปล่อยเป็นรุ่น ๆ ให้หนุ่ม ๆ และขาแรงไปก่อน ส่วนหนุ่ม(เหลือ)น้อย ผู้หญิง และเด็กปล่อยตัวทีหลัง แล้วก็จะเช็คตัวกันได้ง่ายเลยว่าในรุ่นของตัวเองนั้น มีคู่แข่งมากน้อยเพียงใด

ดังนั้นกว่าจะได้เวลาปล่อยตัวของรุ่นหญิง ก็ต่างกันเกือบครึ่งชั่วโมงจากการปล่อยตัวรุ่นแรก คือ รุ่นทั่วไปชาย ตามด้วยรุ่น 30-34 ปีชาย 35-39 ปีชาย และต่อไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ
รุ่นทั่วไปหญิง และ 35 ปี ขึ้นไปหญิง ปล่อยตัวพร้อมกัน มีนักปั่นรวมกันทั้งหมดประมาณ 20 เสือสาว ที่ออกไปขับเคี่ยวกันทางสายตาตั้งแต่การคอยสัญญาณปล่อยตัว...เล่นเอาเสือหน้าใหม่อย่างเราร้อนวูบวาบไปเลย ไม่รู้ว่าร้อนเพราะสายตาเธอแผดเผา หรือร้อนเพราะแสงแดดแผดเผา ก็เกือบสิบโมงครึ่งแล้ว จะไม่ให้ร้อนได้อย่างไร

ช่วงแรกของเส้นทางเป็นถนนลาดยาง ต้องรีบเร่งสปีดไล่แซงให้ได้มากที่สุดก่อนลงซิงเกิ้ลแทรค ซึ่งไม่มีโอกาสแซงได้ ก็พบกับลีลาการสกัดกั้นของเสือ(ใกล้จะ)สาว(เหลือ)น้อยนางหนึ่ง ที่มีลีลาการโฉบซ้ายโฉบขวากีดกันไม่ให้แซงอย่างชำนิชำนาญ แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าใดนัก หลังจากดูลีลาเธออยู่สองรอบ พอได้จังหวะที่เธอโฉบซ้าย ก็เบียดขึ้นขวาแล้วสับเกียร์หนีอย่างไม่เหลียวหลัง จนกระทั่งช่วงเลี้ยวจึงมีโอกาสได้ชำเลืองมองด้านหลังแว่บหนึ่งก็ไม่เห็นเธอ จึงค่อยโล่งใจ...ก็กลัวโดนเอาคืนนี่นา

ฝุ่นและแดด...
แดดและฝุ่น...
คือสองคำที่บรรยายสนามในวันนั้นได้ดีมาก
แต่ความเร็วที่ 25-30 กม. ต่อชั่วโมงบนหลังอานนั้น ทำให้รู้สึกเหมือนมีสายลมมาปะทะร่างกายตลอดเวลา ทำให้คลายความร้อนลงได้บ้าง แว่นตา และหมวกกันกระแทกก็ช่วยกันแดดได้มาก นี่ก็เป็นอีกข้อที่แตกต่างจากการวิ่ง...ถ้าปล่อยตัวนักวิ่งตอนสิบโมงเช้า ก็คงแย่ไปตาม ๆ กัน

เส้นทางเป็นทางลาดยางบ้าง ลูกรังบ้าง สลับกับซิงเกิ้ลแทรคทำให้มีโอกาสได้ทำความเร็วบ้าง และพักหายใจบ้างสลับกันไป

ระหว่างทางก็ไล่แซงหนุ่ม ๆ ที่โชคไม่ดี ยางรั่วยางแตกบ้าง แซงหนุ่ม(เหลือ)น้อยที่ปั่นชมนกชมไม้บ้าง พอให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเริ่มทิ้งระยะห่างกันจนมองไม่เห็นกันเป็นบางช่วงแล้ว

ประมาณ 5-6 กิโลเมตรสุดท้าย ก็เลี้ยวเข้าถนนลูกรังเลียบคลองชลประทาน ก็พบหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ปั่นคู่กันขวางทางอยู่ ก็คิดในใจว่ามาปั่นจู๋จี๋อะไรกันตรงนี้ ทั้งร้อนทั้งฝุ่น แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ก็ถึงบางอ้อ...เจ้าหนุ่มกำลังแนะนำตัวเองกับสาวเจ้าอยู่...อ๋อ ประเภทพี่ป้อ เฮียหลี นี่เอง ขอทางผมไปหน่อยครับ

ข้างหน้าไปอีกไม่ถึง 10 เมตร ก็มีหนุ่มเหลือน้อยอีกท่าน หันมาถามว่า ตะกี้เลี้ยวเข้ามามีป้ายบอกทางหรือเปล่า...อ้าว !! ไหงงั้นล่ะ เจ้าหนุ่มก็ตอบว่าไม่ทราบครับ ไม่ได้สังเกต สาวเจ้าเลยได้ที แว้ดเข้าให้ว่า ก็มัวแต่ห่วงคุยอยู่นั่นแหละ

ด้วยความไม่แน่ใจก็เลยจอดรถกัน มีเสือสาวรุ่นเดียวกันตามมาสมทบอีกคัน...หลงทางเหรอคะ?

สงสัยว่าจะหลง ต่างคนก็ต่างหาทาง สาวเจ้าก็คว้าโทรศัพท์โทรถามใครก็ไม่รู้ และก็ถามชาวบ้านที่ลงลุยน้ำจับปลาอยู่ว่ามีจักรยานผ่านไปบ้างไหม...สุดท้ายก็ต้องตรงต่อไปอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็ปั่นตามกันไป โดยมีสาวเจ้าปั่นหนีเจ้าหนุ่มตามมาด้วย ทิ้งหนุ่มน้อยและหนุ่ม(เหลือ)น้อยไปเบื้องหลัง

จนกระทั่งไปทันจักรยานหนุ่ม(เหลือ)น้อยอีกสองคันข้างหน้า จึงแน่ใจว่ามาถูกทาง ทีนี้ล่ะ สามคันสามคนก็ซิ่งแข่งกันอย่างไม่มีการประนีประนอมกันอีกต่อไปแล้ว...ทีตะกี้ล่ะ ยังหลงทางอยู่ด้วยกัน พอตอนนี้กลับมาเป็นคู่แข่งกันอีกแล้ว....

ไล่กันมาจนเข้าเส้นชัยสามคันห่างกันไม่ถึงนาที...ก็ไม่สนใครอีกแล้วเหมือนกัน จอดรถได้ก็เข้าห้องน้ำถอดเสื้อล้างหน้าล้างตัวเพื่อระบายความร้อน เปลี่ยนเสื้อแล้วค่อยออกไปหาอาหารรับประทาน และไปดูผลการแข่งขัน

ตอนขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แอบเห็นสายตาช่างภาพมองด้วยความเบื่อหน่าย ระคนหมั่นไส้ เจอหน้ากัน 2 วัน 3 งาน ก็ต้องถ่ายรูปรับรางวัลให้ทั้ง 3 งาน

เอาน่า...นาน ๆ ที วันแบบนี้ไม่มีบ่อยหรอก...

No comments:

Post a Comment